5 - 14 พฤศจิกายน 2568

ร่วมเดินทางกราบสักการะ

สถานที่สำคัญในพระพุทธศาสนา

 

5 - 14 พฤศจิกายน 2568

 

10 วัน 9 คืน

ท่านละ 35,000 บาท

*** ราคานี้รวมตั๋วเครื่องบินไปกลับโดยสายการบินแอร์เอเชีย

 

 

 

 มีพระวิทยากรบรรยาย นำสวดมนต์ ปฏิบัติภาวนา ตลอดการเดินทาง

 

การเดินทาง 

1. เดินทางขาไป โดยสายการบินแอร์เอเชีย 

เที่ยวบิน FD122  09.15 - 10.50 น.

 

2. เดินทางขากลับ โดยสายการบินแอร์เอเชีย

เที่ยวบิน FD123 11.00 - 15.25 น.

3. การเดินทางภายในประเทศอินเดีย โดยรถปรับอากาศชั้น 1 ไม่มีการเปลี่ยนรถ ใช้รถคันเดิมตลอดการเดินทาง

สถานที่พัก

  • พักวัด นอนห้องละ 4 ท่าน

โปรแกรมการเดินทาง

วันแรก :  สนามบินดอนเมือง - คยา ประเทศอินเดีย 

วันพุธที่ 5 พฤศจิกายน 2568 พักที่วัดป่าพุทธคยา

09.15 น. บินลัดฟ้าสู่ เมืองคยา ประเทศอินเดีย สายการบินแอร์เอเชีย (Air Asia Airline) เที่ยวบินที่ FD122 (ใช้เวลาบินประมาณ 3.20 ชั่วโมง) มีอาหารอุ่นร้อนบริการบนเครื่องบิน

10.50 น. เดินทางถึงสนามบินคยา ( Gaya Airport) เมืองคยา รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย(เวลาท้องถิ่นที่อินเดียช้ากว่าประเทศไทย 1.30 ชั่วโมง) ผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร คณะออกเดินทางเข้าสู่เมืองพุทธคยา ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที จากนั้น นำทุกท่านเข้าพักและเก็บสัมภาระ ณ วัดภูริปาโล

บ่าย เริ่มต้นการจาริกแสวงบุญพุทธสังเวชนียสถาน ๑ เมืองพุทธคยา (สถานที่ตรัสรู้) นำท่านชมพระมหาเจดีย์พุทธคยา สร้างในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช อนุสรณ์สถานแห่งการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ภายในประดิษฐาน พระพุทธเมตตาซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยอายุกว่า 1,400 ปี ที่รอดพ้นจากการถูกทำลายหลาย แล้วนำนมัสการต้นพระศรีมหาโพธิ์เป็นจุดที่พระพุทธเจ้าประทับนั่งบำเพ็ญเพียรจนตรัสรู้ ทำสมาธิปฏิบัติบูชาตามอัธยาศัย

18.30น. รับประทานอาหารเย็น ณ ห้องอาหารของวัดที่เข้าพัก / พักผ่อนตามอัธยาศัย

วันที่สอง พุทธคยา - ราชคฤห์ - นาลันทา - ไวสาลี

วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤศจิกายน 2568 พักที่วัดไทยไวสาลี

เช้า ออกเดินทางสู่เมืองราชคฤห์ (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที ตามสภาพจราจร)

 

จากนั้น นำ ท่านเดินขึ้น เขาคิชกูฎ สถานที่ที่เป็นรมณียสถานสำ ราญพระราชอัธยาศัยของพระพุมธเจ้า (ระยะทางขึ้นเขาคิชกูฎประมาณ 1 กิโลเมตร ทางเดินขึ้นเขาลาดชัน แต่ปูลาดเดินง่าย เดินสะดวก แนะนำ ผู้ใหญ่ที่ขาเจ็บ หัวเข่าเจ็บ ขาไม่ดี เดินไม่ค่อยไหว ที่นี่มีเสลียงไว้ให้บริการ ถ้าต้องการใช้บริการ กรุณาแจ้งทีมงานล่วงหน้า) กราบสักการบูชา ถ้ำ พระมหาโมคคัลลานะ เป็นที่จำ พรรษาของพระโมคคัลลานะพระอัครสาวกผู้เป็นเลิศทางอิทธิฤทธิ์ ถ้ำ สุกรขาตา ที่พระสารีบุตรบรรลุพระอรหันต์ ชมกุฏีของพระอานนท์ นมัสการพระคันธกุฏีสถานที่สำราญพระราชอัธยาศัยและโปรดเทวดา นำ ท่านทำสมาธิภาวนา ณ พระคันธกุฎี
 
จากนั้นนำทุกท่านเข้าสักการะ วัดเวฬุวันมหาวิหาร วัดแห่งแรกในพระพุทธศาสนาเป็นที่เกิดวันมาฆบูชา จำพรรษาที่2,3,4,17และ20

 

11.30 น. ถวายภัตตาหารเพลและรับประทานอาหารกลางวัน ณ วัดไทย

 

บ่าย นำทุกท่านเข้ากราบสักการะและขอพร หลวงพ่อพระพุทธรูปองค์ดำ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่มีอายุนับพันปี ชาวท้องถิ่นเชื่อว่าหลวงพ่อสามารถดลบันดาลให้หายเจ็บหายป่วย คณะแสวงบุญที่เลื่อมใสศรัทธาจึงพากันไปขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล หลังจากนั้น นำท่านเข้าเยี่ยมชม มหาวิทยาลัยนาลันทา(เก่า) ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งแรกของพระพุทธศาสนา เป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์ที่เคยรุ่งเรืองที่สุดในโลก ปัจจุบันเหลือซากปรักหักพังที่สะท้อนให้เห็นถึงยิ่งใหญ่ในอดีต กราบสักการะบูชาสถูปบ้านและสถานที่นิพพานของพระสารีบุตรอัครสาวกเบื้องขวา จากนั้นเดินทางสู่เมืองไวสาลี

 

เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ห้องอาหารวัดไทยไวสาลี /พักผ่อนตามอัธยาศัย

วันที่สาม ไวสาลี - กุสินารา

วันศุกร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2568 พักที่วัดไทย

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของวัดที่เข้าพัก

นำท่านเข้าสักการบูชา ภูฏาคารศาลาป่ามหาวัน เป็นสถานที่พระพุทธองค์ทรงอนุญาตให้พระนางมหาปชาบดีโคตมีเถรี พระน้านางของพระพุทธองค์ พร้อมกับบริวาร สามารถอุปสมบทเป็นภิกษุณีได้เป็นครั้งแรกในโลกและชม เสาอโศก ที่สมบูรณ์ที่สุดและงดงามที่สุดของอินเดีย

หลังจากนั้น นำทุกท่านเข้าสักการะ ปาวาลเจดีย์ สารีริกธาตุพระสถูปเจดีย์ สถานที่ปลงพระชนมายุสังขาร

11.30 น. ถวายภัตตาหารเพลและรับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารวัดไทยระหว่างทาง / ร่วมกันทำบุญทอดผ้าป่าตามกำลังศรัทธา

บ่าย นำทุกท่านเยี่ยมชม มหาสถูปเกสรียา เป็นสถานที่ตั้งของมหาสถูปพบใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอินเดีย สถานที่ประดิษฐานบาตรของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงประทานแก่ชาววัชชี 

หลังจากนั้น นำทุกท่านเดินทางสู่เมืองกุสินารา (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4-5 ชั่วโมง ตามสภาพการจราจร)

 ค่ำ ถวายน้ำปานะและรับประทานอาหารเย็น ณ ห้องอาหารของวัดที่เข้าพัก / พักผ่อนตามอัธยาศัย

วันที่สี่ กุสินารา - ลุมพินี (ประเทศเนปาล)

วันเสาร์ที่ 8 พฤศจิกายน 2568 พักวัดไทย

** โปรดเตรียมหนังสือเดินทางไว้กับตัวเพื่อประทับตราออกจากประเทศอินเดีย เข้าสู่ประเทศเนปาล**

 

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหาร

 นำท่านเข้าสักการะปรินิพพานสถูป สถานที่ดับขันธ์ปรินิพพาน ณ สาลวโนทยาน หรือป่าไม้สาละที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพาน และเป็นสถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธเจ้า ร่วมกันสวดมนต์บูชา และถวายผ้าห่มองค์พระพุทธรูปปรินิพพาน

 หลังจากนั้น นำ ท่านเข้าสักการะมกุฎพันธนเจดีย์ ชาวท้องถิ่นเรียกว่า รัมภาร์สถูป เป็นสถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ

 12.00 น. ถวายภัตตาหารเพลและรับประทานอาหารกลางวันและทาน “โรตีอรีดอย” ณ วัดไทยนวราชรัตนาราม 960 ก่อนจะเดินทางข้ามด่านและผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมือง เดินทางต่อสู่ลุมพินีวัน ประเทศเนปาล

 หลังจากนั้น นำ ท่านเดินทางสู่ด่านโสเนาลี (SONUALI) ชายแดนประเทศอินเดีย – เนปาล (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5-6 ชั่วโมง ตามสภาพการจราจร)

 ค่ำ รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหาร / พักผ่อนตามอัธยาศัย

วันที่ห้า ลุมพินีทั้งวัน

วันอาทิตย์ที่ 9 พฤศจิกายน 2568 พักวัดไทย

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหาร
นำ ทุกท่านสู่ สวนศักด์สิทธิ์ ลุมพินีวัน เป็นสถานที่ประสูติของเจ้าชายสิทธัตถะ ตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่าง กรุงกบิลพัสดุ์ และ กรุงเทวทหะ ภายในสวนลุมพินีแห่งนี้มี "วิหารมายาเทวี" ภายในประดิษฐานภาพหินแกะสลักพระรูปพระนางสิริมหามายาประสูติพระราชโอรส และชมสระโบกขรณี กราบสักการะเสาหินพระเจ้าอโศกมหาราช
หลังจากนั้น เดินทางสู่เมืองเทวทหะ(ใช้เวลาเดินทาง 40 นาที โดยประมาณ)
11.30 น. ถวายภัตตาหารเพลและรับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารวัดไทย
บ่าย นำทุกท่านสักการะ รามคามสถูป เป็นสถูปที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แห่งนครเทวทหะ เป็นสถูปที่พระญาติฝ่ายพระมารดาสร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุที่ได้รับส่วนแบ่งมาหลังพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพที่เมืองกุสินารา นำท่านเดินทางสู่ พระราชวังกบิลพัสดุ์ (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมง) กรุงกบิลพัสดุ์ เป็นเมืองของพระเจ้าสุทโธทนะผู้เป็นพระบิดาของเจ้าชายสิทธัตถะซึ่งต่อมาได้ตรัสรู้เป็นพระโคตมพุทธเจ้า ปัจจุบันกรุงกบิลพัสดุ์ มีแต่ซากปรักหักพัง สถานที่สำคัญในบริเวณนี้คือซากพระราชวังซึ่งพระเจ้าสุทโธทนะแห่งศากยวงศ์สร้างไว้สำ หรับเจ้าชายสิทธัตถะกับพระนางยโสธราหรือพระนางพิมพาพระมเหสีโดยได้ประทับอยู่เป็นเวลา 29 ปีก่อนที่จะตัดสินพระทัยออกผนวช สถานที่แห่งนี้ปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแล้ว จากนั้น นำท่านชม วัดนิโครธาราม เป็นอารามที่พระเจ้าสุทโธทนพร้อมพระประยูรญาติสร้างถวายต้อนรับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าคราวนิวัตรพระนครสร้างเพื่อให้พระองค์พร้อมด้วยพระอรหัตสาวกประทับ
18.00 น. รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของวัดไทย / ร่วมกันทำบุญทอดผ้าป่า / พักผ่อนตามอัธยาศัย

วันที่หก ลุมพินี - สาวัตถี(ประเทศอินเดีย)

วันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน 2568 พักวัดไทย

เช้า นำ ทุกท่านเดินทางกลับเข้าด่านอินเดีย ผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองของเนปาล – อินเดีย
07.30 น. นำ ท่านรับประทานอาหารเช้าที่วัดไทยนวราชรัตนาราม 960 ชายแดนอินเดีย – เนปาล / ร่วมกันทำ บุญถวายผ้าป่า จากนั้น นำ ทุกท่านเดินทางสู่เมืองสาวัตถี (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6-8 ชั่วโมง)
11.00 น. รับประทานอาหารกลางวันระหว่างทาง
14.00 น. ถึงเมืองสาวัตถี ในสมัยพุทธกาลเป็นเมืองหลวงของแคว้นโกศล ซึ่งในครั้งที่พระพุทธเจ้าได้เดินทาง ซึ่งเสด็จมาประทับจำพรรษาที่เมืองแห่งนี้รวมทั้งหมด 25 พรรษา เป็นที่ตรัสพระสูตรมากมาย ปัจจุบันยังมีซากโบราณสถานที่สำคัญปรากฏร่องรอยอยู่ คือ ที่แสดงยมกปาฏิหาริย์และเป็นเมืองที่พระพุทธศาสนามั่นคงที่สุดสถานที่ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์ครั้งนี้ คือที่โคนต้นมะม่วง หรือ คัณฑามพพฤกษ์ในเมืองสาวัตถี
นำท่านชมสถูปคฤหาสน์ของ ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี และ บ้านบิดาของท่านองคุลิมาล นำท่านชม วัดเชตวันมหาวิหาร ซึ่งเป็นอารามที่สร้างโดยท่านอนาถบิณทิกเศรษฐี มหาศรษฐีแห่งเมืองสาวัตถี และที่วัดแห่งนี้ ซึ่งพระพุทธองค์ประทับจำพรรษานานถึง 19 พรรษา นมัสการพระคันธกุฎี, หมู่กุฎิของพระอรหันต์สวดมนต์ ปฏิบัติบูชา กราบสักการะอานันทโพธิ์ ต้นโพธิ์ที่ปลูกโดยพระอานนท์ในสมัยพุทธกาล
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารที่สาวัตถี / พักผ่อนตามอัธยาศัย

วันที่เจ็ด สาวัตถี - พาราณสี

วันอังคารที่ 11 พฤศจิกายน 2568 พักวัดไทย

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารที่เข้าพัก
จากนั้น ออกเดินทางสู่เมืองพาราณสี (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 7 – 8 ชั่วโมง)
11.00 น. ถวายภัตตาหารเพลและรับประทานอาหารกลางวันที่วัดไทย และร่วมกันทำ บุญถวายผ้าป่า
เย็น ถึงเมืองพาราณสี มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 4,000 ปีเป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศอินเดียและยังจัดเป็นเมืองที่มีผู้อยู่อาศัยต่อเนื่องยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์โลกด้วยพาราณสียังเป็นเมืองที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาในหลายด้านโดยมีอาณาเขตครอบคลุมถึงป่าอิสิปตนมฤคทายวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนาแก่พระปัญจวัคคีย์ ซึ่งปัจจุบันเรียกว่า สารนาถ.
นำท่านเยี่ยมชมตลาดเมืองพาราณสี และเลือกซื้อของฝากที่ถูกใจ นำท่านล่องเรือชมแม่น้ำ คงคา ชมความสวยงามของเมืองพาราณสี และชมพิธีคงคาอารตีบูชา หรือเรียกอีกอย่างว่า พิธีบูชาไฟ
ค่ำ ร่วมกันรับประทานอาหาร /พักผ่อนตามอัธยาศัย

วันที่แปด พาราณสี - พุทธคยา

วันพุธที่ 12 พฤศจิกายน 2568 พักวัดไทย

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของวัดที่เข้าพัก

 จากนั้น นำ ท่านเข้าสักการะ ธัมเมกขสถูปสถานที่พระพุทธองค์ทรงแสดงปฐมเทศนา "ธัมมจักกัปปวัตนสูตร" โปรดปัญจวัคคีย์ ทั้ง 5 กราบสักการะบูชาและเวียนประทักษิณ รอบองค์พระธัมเมกขสถูป สักการะ พระมูลคันธกุฏี เป็นสถานที่ที่พระพุทธเจ้าทรงประทับจำ พรรษาแรกและพรรษาที่ 12 ใกล้กับพระมูลคันธกุฏี มี เสาอโศก หรือ เสาหินพระเจ้าอโศกมหาราช แม้จะหักออกเป็น ๕ ท่อน ก็ยังถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีถือเป็นโบราณวัตถุที่สำ คัญที่สุดของอินเดีย ชม ยะสะสถูป และ ซากฐานเจดีย์ธรรมราชิกสถูป สถานที่พระพุทธองค์ทรงแสดงอนัตตลักขณสูตรโปรดปัญจวัคคีย์ ทำ ให้ปัญจวัคคีย์บรรลุเป็นพระอรหันต์

11.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน

บ่าย เมื่อได้เวลาอันสมควรนำ ทุกท่านออกเดินทางสู่เมืองพุทธคยา (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6-8 ชั่วโมง ตามสภาพการจราจร )

 ค่ำ รับประทานอาหารเย็น ณ ห้องอาหารของวัดไทย

วันที่เก้า พุทธคยาทั้งวัน

วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน 2568 พักวัดไทย

เช้า นำทุกท่านเข้าสักการะเจดีย์มหาโพธิ์ ร่วมถวายผ้าห่มองค์พระพุทธเมตตา และ ถวายดอกไม้บูชาเจดีย์ สวดมนต์ สักการะปฏิบัติถวายเป็นพุทธบูชา จากนั้นสักการะเป็นส่วนตัว

กลางวัน ร่วมถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุสงฆ์ และร่วมรับประทานอาหารกลางวัน

บ่าย นำทุกท่านเดินทางสู่ เขาดงคะสิริ สถานที่บำเพ็ญทุกกรกิริยา สวดมนต์ เจริญภาวนา

จากนั้น นำท่านเยี่ยมชม สถูปบ้านนางสุชาดาต้นอชปาลนิโครธ สถานที่ทรงรับข้าวมธุปายาสก่อนตรัสรู้ และเป็นสถานที่ทรงเสวยวิมุตติสุขสัปดาห์ที่5 และชม แม่น้ำเนรัญชราสถานที่ที่พระพุทธเจ้าอธิษฐานจิตลอยถาดทองคำที่นางสุชาดาถวายพร้อม”ข้าวมธุปายาส”

18.30น. รับประทานอาหารเย็น ณ ห้องอาหารของวัดที่เข้าพัก / ทำบุญทอดผ้าป่า  / พักผ่อนตามอัธยาศัย / เก็บสัมภาระเตรียมตัวกลับประเทศไทย

วันที่สิบ สนามบินพุทธคยา - สนามบินดอนเมือง (ประเทศไทย)

วันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน 2568 พักวัดไทย

06.00 น. รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของวัดที่เข้าพัก

หลังจากนั้น ออกเดินทางสู่สนามบินคยา

10.40 น. ออกเดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ ประเทศไทย โดยสายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบินที่ FD 123 (ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณ 02.45 ชม.) (มีบริการอาหารบนเครื่องบิน)

15.00 น. ถึงสนามบินดอนเมือง กรุงเทพมหานคร โดยสวัสดิภาพ

*** โปรแกรมอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม โดยคำนึงถึงประโยชน์ของท่านเป็นหลัก